'ประวิตร'
สัมภาษณ์ 'เนติวิทย์' ว่าด้วยการปฏิรูประบบการศึกษาไทย
Mon, 2013-09-02 15:57
ประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวเดอะเนชั่น
สัมภาษณ์ เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล วัย 16 ปี ผู้วิพากษ์ระบบการศึกษาไทยที่น่าจะอายุน้อยที่สุด
เนติวิทย์ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งและเลขาธิการสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย
เครือข่ายนักกิจกรรมหนุ่มสาวกว่า 30 คน ซึ่งต้องการปฏิรูประบบการศึกษาและผ่อนคลายกฎระเบียบที่เข้มงวด
ประวิตร: ทำไมคุณดูเหมือนมีปัญหากับระบบการศึกษาไทยมาก
เนติวิทย์: เพราะว่าโดยส่วนตัวแล้ว
ระบบการศึกษาของไทย เป็นระบบการศึกษาที่ไม่ค่อยเปิดโอกาสให้คิดแย้งได้ ตั้งคำถามได้
เมื่อผมตั้งคำถาม ผมจึงกลายเป็นเด็กที่มีปัญหา
หลักๆ ปัญหาการศึกษาไทย
ถ้าจะพูดลงไปรายละเอียดให้มากกว่านี้มันอยู่ไหน เพราะในด้านหนึ่ง ถ้ามองแบบคอนเซอร์เวทีฟ
คนก็จะมองว่า การศึกษาไทยไม่ได้มีคุณภาพระดับโลก แต่ผมเข้าใจว่าคุณไม่ได้มองแบบนั้น
คุณมองในแง่ของการเรียนรู้ โอกาสในการเรียนรู้ของเด็ก หรือแม้กระทั่งความสุขของครู
การศึกษาไทยในมุมมองผมเป็นปัญหาเกี่ยวกับสวัสดิการของครูและนักเรียน
ปัญหาการรวมศูนย์อำนาจอยู่ในฝ่ายผู้บริหารเท่านั้น ซึ่งเป็นแบบนี้เกือบทุกโรงเรียน
ห้องเรียนมีนักเรียนจำนวนมาก ผมก็มองทั้งปัญหาที่ต้องมองอย่างสากล และปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
ในความเป็นจริงคือคนที่ออกมาเรียกร้องยังเป็นนักเรียนส่วนน้อยใช่ไหม
แสดงว่าเขาไม่สนใจ หรือเพราะเขาไม่ตระหนัก หรือว่าเขาไม่กล้าออกมาเรียกร้อง
ผมคิดว่าจริงๆ นักเรียนที่ออกมาเป็นส่วนหนึ่ง
ก็มีอีกจำนวนหนึ่งที่ผมคิดว่าไม่น้อยเลยทีเดียวที่มีความกล้า แต่ว่าความกล้านั้นอาจจะยังไม่ถึงขั้นที่ออกมาเรียกร้อง
แต่ก็ต้องยอมรับครับว่าส่วนใหญ่ก็อาจจะยังไม่ตระหนักถึงขั้นที่ออกมาเรียกร้อง
แต่อย่างไรก็เชื่อว่าคนส่วนใหญ่อาจจะเห็นปัญหานี้
แต่เขาอาจจะไม่ได้ศึกษาอย่างต่อเนื่อง แล้วก็ไม่ได้ตั้งคำถามอย่างต่อเนื่อง มันอาจจะมีบ้างที่เขาฉุกคิดขึ้นมาบ้าง
แต่ก็เงียบกลับลงไป เพราะเห็นว่า ทนๆ ไปดีกว่า
มีหลายข้อเรียกร้องของคุณ
ซึ่งรวมถึงสิทธิในการไว้ผมยาว เรื่องการยืนเคารพธงชาติ หรือสวดมนต์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้บางคนมองว่าวิธีการนำเสนอหรือการเรียกร้องออกไปในแนวก้าวร้าว ตรงนี้มีความเห็นว่าอย่างไร
ผมก็แปลกใจเหมือนกันที่มันออกมาในลักษณะที่ดูก้าวร้าว
แต่ก็ต้องยอมรับว่า วิธีการนำเสนอของผมอาจจะเป็นวิธีการนำเสนอที่คนไม่ค่อยชอบ เพราะผมก็เป็นคนพูดจาแบบนี้อยู่แล้ว
พูดจาไม่มีหางเสียง แล้วก็มีอะไรก็พูดๆๆ ออกมา บางทีก็คิดไม่ทันบ้าง แล้วก็ไม่เคยเตรียมเลย
เวลาไปออกรายการ ส่วนมากผมก็ไม่ได้เตรียมอะไรทั้งนั้น ทำให้มีปัญหา ผมก็รู้สึกแปลกว่าผมโดนเล่นงานหนักกว่าเพื่อนอีก
ผมเนี่ยเรียกร้องแค่ยกเลิกความเป็นไทยสั้นๆ แค่นั้นเอง เพื่อนผมนี่เขาเรียกร้องยกเลิกเคารพธงชาติ
ยกเลิกสวดมนต์ที่ออกรายการของวอยซ์ทีวี แต่ผมกลับโดนหนักกว่า อาจเป็นเพราะคนไทยชอบสัมมาคารวะอะไรเยอะๆ
ผมก็คงต้องปรับ
คุณขยายความยกเลิกความเป็นไทยหน่อยได้ไหมว่ามันมีรายละเอียดอย่างไร
ยกเลิกความเป็นไทย พอพูดจาแบบนี้ออกมา
คนก็อาจจะคิดว่าผมรุนแรง แต่จริงๆ ถ้าเขามองอย่างกว้างๆ ก็จะเห็นว่าความเป็นไทยที่ผมเรียกร้อง
ก็คือความเป็นไทยที่ถูกสร้างขึ้นมา เป็นความเป็นไทยที่ไม่มีประโยชน์ เป็นความเป็นไทยที่ไม่มีเหตุผล
แล้วก็ความเป็นไทยตรงนี้ก็เอาไปผูกโยงกับวัฒนธรรมการห้ามเถียงห้ามถาม อาทิเช่น กรณีทรงผมนักเรียน
กรณีเคารพธงชาติ ก็อ้างว่านี่คือความเป็นไทย เราเป็นคนไทย ชาติไทยไม่เหมือนชาติอื่นในโลก
อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเขาก็เลยได้รับรู้มาแบบนี้ว่าอ๋อนี่คือความเป็นไทย ทำให้ความเป็นไทยกลายเป็นสิ่งที่เลวร้ายไปเลย
ทำให้ผมเสนอยกเลิกความเป็นไทยตรงนี้
ที่สื่อให้ความสนใจคุณ
ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะการถกเถียงเรื่องเกี่ยวกับคุณภาพการศึกษาจริงๆ แล้วแทบไม่มีนักเรียนสนใจเลยใช่ไหม
คุณคิดว่า มันเป็นเรื่องที่นักเรียนควรจะต้องสนใจมากกว่านี้หรือไม่ เพราะอีกด้านหนึ่ง
นักเรียนก็อาจจะมองว่าขณะที่เป็นนักเรียนหน้าที่หรือสิ่งที่ตนเองจะต้องทำก็คือ พยายามเข้ามหาวิทยาลัยหรือคณะดีๆ
ให้ได้ และคงไม่มีเวลา หรือไม่ควรเสียเวลาต่อสู้กับการเรียกร้องเพื่อเปลี่ยนระบบการศึกษา
ผมก็คิดว่านี่เป็นปัญหาหนักมากที่สุดเลย
เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของสมาพันธ์นักเรียนฯ ต้องการให้นักเรียนเป็นผู้ที่มีความกล้าหาญ ออกมาพูดเรื่องปัญหาให้ชัดเจน ไม่ใช่คอยฟัง-เชื่อแต่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ยังล้มเหลว อาจจะเป็นเพราะกระบวนการ-ยุทธวิธีของเราที่ยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก แน่นอนครับ ผมต้องการให้นักเรียนตื่นขึ้นมาและตระหนักปัญหานี้
แต่เพราะสภาพแวดล้อมมันค่อนข้างกดดันมาก และมันปิดกั้นทั้งหมด และประเทศเรา เราถูกครอบงำด้วยวิธีคิดทางเศรษฐกิจที่มีแต่ความโลภเท่านั้น
ทำให้คนแต่ละคนต้องมุ่งแข่งขันกัน เอาเปรียบซึ่งกันและกัน แม้แต่ครูที่โรงเรียนเองก็สอนว่าเราจะต้องโตเป็นเจ้าคนนายคน
ซึ่งมันเป็นวิธีคิดที่ไม่เห็นความร่วมมือสำคัญ แต่การแข่งขันสำคัญกว่า อันนี้ก็ต้องให้จิตใจของนักเรียนแต่ละคนต้องกล้าหาญ
เอาชนะความกลัวสิ่งนี้ให้ได้ ไม่เพียงเท่านี้ ภาครัฐถ้ามีสติปัญหาและมีแววตาที่ชัดเจน
ก็ควรจะเปิดกว้างทางความคิดให้มาก ให้แต่ละคนสามารถคิด และผู้ปกครองก็ไม่ควรมองว่าลูกเราต้องจบมาเป็นแบบนี้
เป็นหุ่นยนต์กลไก ต้องเปิดกว้างให้เขามีความคิดสร้างสรรค์ ต้องอาศัยหลายภาคส่วน สำคัญก็คือต้องให้นักเรียนที่มีความกล้าอยู่แล้ว
ให้ตระหนักและลุกขึ้นมา และสู้ให้ได้
เด็กหรือนักเรียนไทยรุ่นคุณทุกวันนี้คิดว่ามีข้อดีข้อเสียโดยรวมอย่างไรบ้าง
ข้อดีคือ เทคโนโลยีเปิดกว้างมาก
เรามีความรู้จากตะวันตกเยอะ อาจจะทำให้วิธีคิดเรากว้างขึ้นด้วย ซึ่งสำคัญมาก ทำให้เรารู้จักสิทธิเสรีภาพ
ก็ต้องยอมรับว่าพวกนี้เป็นวัฒนธรรมตะวันตกทั้งนั้น แต่ข้อเสียก็คือ บางทีถ้าเราเป็นปัจเจกนิยมมากเกินไป
ไม่ใส่คนอื่น การเปลี่ยนแปลงก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้ จะทำให้เรามุ่งได้เรื่องเงินเรื่องทองอย่างเดียว
ไม่ได้ต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
คอนเซ็ปต์เรื่องความเป็นเด็กและเป็นผู้ใหญ่
เป็นปัญหาต่อเสรีภาพและความเป็นประชาธิปไตยของสังคมไหมในความเห็นของคุณ เพราะหลายครั้งที่เรื่องของคุณได้รับการรายงาน
คนที่ไม่เห็นด้วยก็มักจะเอาเรื่องที่คุณอายุ 16 ปีหรือ "เป็นเด็ก" มาโจมตี-ลดทอนน้ำหนักของสิ่งที่คุณพยายามนำเสนอ
ผมคิดว่ามันเป็นปัญหา แต่คิดว่าเขาต้องมองให้ถูกต้อง
คือนักเรียนเรียกร้องเขาน่าจะยอมรับมากกว่าผู้ใหญ่เรียกร้อง เพราะว่านักเรียนเห็นปัญหาอย่างชัดเจนที่สุด
เพราะกำลังเรียนหนังสืออยู่ ขณะที่ผู้ใหญ่หรือนักวิชาการ ส่วนมากอยู่กับเอกสารและไม่ได้อยู่กับสภาพความเป็นจริงของระบบการศึกษาไทย
ดังนั้น วัฒนธรรมผู้ใหญ่จึงเป็นปัญหามากที่สุด ซึ่งจริงๆ ผมไม่ได้มีปัญหานะ ถ้าจะมีทั้งผู้ใหญ่
มีเยาวชน แต่ไม่ใช่ผู้ใหญ่ทำอะไรถูกหมดเลย
พวกครูบาอาจารย์สั่งสอนตลอดเวลาว่ามีครู
มีนักเรียน มีความแตกต่างกัน สั่งสอนอยู่ตลอด ทำให้ความเป็นผู้ใหญ่กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
มองนโยบายการจัดการเรื่องการศึกษาภายใต้รัฐบาลเพื่อไทยอย่างไรบ้าง
คิดว่าแตกต่างจากพรรคประชาธิปัตย์หรือสมัยก่อนๆ ที่พอรับทราบไหม
อย่างรัฐบาลนี้คงต้องการให้เยาวชนรู้สึกชื่นชอบเขา
เลยออกนโยบาย เช่น ยกเลิกทรงผม ให้ดูทำจริงจัง เปลี่ยนแปลง แต่ผมรู้สึกว่าเขาไม่ได้ทำอย่างจริงจัง
ไม่ได้เห็นปัญหาการศึกษาสำคัญจริงๆ ถ้าเขาเห็นปัญหา เขาควรจะลงไปดูสภาพปัญหาจริงๆ อันนี้เขาก็อยู่ในกระทรวง
บอกว่าจะปฏิรูป ผมว่าของปลอม
ผมไม่เคยคาดหวังรัฐบาลชุดนี้อยู่แล้ว
รวมถึงรัฐบาลชุดอื่น ผมเคยส่งจดหมายในนามส่วนตัวถึงอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยิ่งลักษณ์
และ พงศ์เทพ คนพวกนี้ก็ตอบมาดี อภิสิทธิ์เขียนตอบมาเองเต็มหน้าเลย ยิ่งลักษณ์และพงศ์เทพให้เลขาฯ
ตอบ ก็ตอบมาดี แต่ข้อเสนอของผม ไม่เห็นมีการดำเนินการจริงจัง ก็ตอบเป็นมารยาทเท่านั้น
ที่ผมยื่นไปเป็นข่าว เพราะต้องการให้นักเรียนรู้ว่าไม่ได้โดดเดี่ยว มีคนที่ทำอยู่ และอยากให้มารวมกัน
นี่คือวัตถุประสงค์ที่แท้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น