วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

คำกล่าวหลังจากพ้นว่าที่ประธานนักเรียนสู่นักเรียนธรรมดาสามัญ

คำกล่าวหลังจากพ้นว่าที่ประธานนักเรียนสู่นักเรียนธรรมดาสามัญ

1 July 2013 at 19:02


เพื่อนๆชาวนวมินทร์ฯเตรียมพัฒน์ ๑๓๗๑ เสียงและทุกคน  ครูและคณะผู้บริหารที่เคารพ ข้าพเจ้าผู้เป็นว่าที่ประธานนักเรียนได้กระทำความพลั้งเผลอมาตรฐานทางจริยธรรมอันพึงประสงค์ที่ผู้สมัครประธานนักเรียนพึงกระทำพึงควรรู้แต่ข้าพเจ้าหารู้ไม่ด้วยเจตนาบริสุทธิ์แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะยังรั้งตนให้ดำรงตำแหน่งต่อไปได้อันเนื่องจากการที่ข้าพเจ้ามิได้มาเลือกตั้งแสดงสิทธิ์ของตนในการเลือกตั้งวันที่๒๔ มิถุนายน ที่ผ่านมา ในวันนั้นข้าพเจ้าได้ไปเฉลิมฉลองวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง ก็๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๕เป็นการเปลี่ยนแปลงสู่ระบอบประชาธิปไตยและเคยเป็นวันชาติไทยด้วยพวกเราคนจำนวนหนึ่งที่ให้ความสำคัญจะไม่ลืมวันนี้เลยและจะร่วมไปฉลองฟังเสวนากันอันสิ่งนี้ข้าพเจ้าได้กระทำมาแล้วคือหยุดในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ของทุกปีเป็นเวลา๒ปีแล้ว และกาลครั้งนี้ที่มีเลือกตั้งข้าพเจ้าก็คิดว่าการเมืองในระดับโรงเรียนนั้นสำคัญแต่วันชาติวันที่พวกเราทั้งหมดเป็นอิสรเสรีพ้นจากการเป็นทาสเป็นไพร่เสมอกันนั้นสำคัญยิ่งกว่าจึงได้แจ้งกับเพื่อนที่สนิทกันและเขียนบันทึกสั้นๆไว้หากไม่ได้แจ้งครูที่ปรึกษาและทำหนังสือลา ข้าพเจ้าเดิมทีไม่คิดว่าจะเสียสิทธิไปและขอย้อนกลับไปอีกด้วยเหตุผลบางประการ ข้าพเจ้าผู้สมัครประธานนักเรียนเป็นผู้มีทัศนคติที่ต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างแรงกล้าและดูจะไม่เข้ากับกรอบที่ทางสภาเขาจะให้เลยเช่นที่นักเรียนเสนอมานั้นอาทิ การใช้จาคอปก็ดี การไว้รองทรงก็ดีการลดคาบเรียนลงก็ดี หาได้ทำได้ไม่แล้วที่ข้าพเจ้าหาเสียงมานั้นที่วาดฝันไว้นั้นที่ให้สัตย์กับนักเรียนไว้นั้นจะมิเป็นการโกหกพกลมดอกหรือ แล้วพอทำไม่ได้จริงแล้วข้าพเจ้าจะเป็นประธานนักเรียนต่อไปได้อย่างไรแล้วไม่ผิดคุณธรรมหรือท่านจะผิดหวังกับข้าพเจ้าแต่แรกเริ่มเดิมทีหรือจะผิดหวังหลังจากที่ข้าพเจ้ามีอำนาจแล้วเล่า

ข้าพเจ้านั้นยังคิดอีกด้วยว่าหลายเรื่องเราไม่สามารถทำได้เลย เพราะเวลาน้อยเวลาเรียนมากคาบมากจะจัดกิจกรรมอะไรก็ยากจะดำเนินการได้ข้าพเจ้าเป็นคนแปลกอยู่แล้วความคิดยิ่งแปลกประหลาดแล้วในสภาฯจะยอมรับข้าพเจ้ามากแค่ไหน แล้วข้าพเจ้าจะมิผิดใจกับพวกเขาดอกหรือซึ่งก็ผิดใจบ่อยๆอยู่แล้ว ก็ในเมื่อเราเสียงส่วนน้อยและครูอาจารย์จะเกลียดเรามากขนาดไหนกันไ ข้าพเจ้าคิดจะลาออกมานานแล้ว แต่เพราะตอนแรกคิดว่าจะทำอะไรได้มากคิดว่าประธานนักเรียนจะมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงได้ไม่ใช่น้อยเป็นปากเป็นเสียงให้แก่นักเรียนและมีคนรับฟังแม้จะอาจดูรุนแรงไปก็ตามทีแต่การณ์หาเป็นเช่นนั้นไม่ข้าพเจ้าไม่อยากเป็นคนคอยอยู่ภายใต้บังคับบัญชาและเหมือนรุ่นก่อนๆ(ข้าพเจ้าพึ่งเข้าใจพวกเราซึ่งก็ถูกข้อจำกัดตามบริบท) อันไม่ได้สร้างสรรค์นิรมิตหรือเปลี่ยนแปลงให้บังเกิดได้เลยข้าพเจ้าคิดจะถอนตัวก็ถอนไม่ทันเสียแล้วและครูอาจารย์ที่สนับสนุนข้าพเจ้าอีกหลายท่านก็ให้กำลังใจอย่างเต็มที่ข้าพเจ้ามาถึงขนาดนี้แล้วจะกลับไปไม่ได้แล้ว และทุกคนก็ฝากความหวังไว้มากข้าพเจ้าจึงคิดว่าเพื่อการทำงานที่เป็นอิสระมากขึ้นจะไม่เป็นประธานนักเรียนน่าจะทำงานได้ดีเป็นตัวของตัวเองไม่ต้องผูกเป็นหน้าเป็นตาโรงเรียนอย่างยิ่งใหญ่  จึงได้ประกาศว่า อย่าเลือกข้าพเจ้าในการหาเสียงครั้งก่อนๆ ที่มีการจัดขึ้น ข้าพเจ้าก็คิดว่าถ้าชนะก็จะทำงานให้เท่าที่สามารถที่สุดและถ้าแพ้ก็จะได้เป็นตัวของตัวเองทำงานเพื่อเพื่อนนักเรียนในจุดเล็กๆ ในวันที่ ๒๔มิถุนายน ข้าพเจ้าจึงหยุดด้วยนี่คือเหตุผลอีกประการ คือรู้ว่ามีเปอร์เซ็นต์แพ้มากถ้าไม่มาเสียงสนับสนุนก็คงหายไปไม่ใช่น้อย ถ้าแพ้ก็จะได้ทำงานอย่างอิสระ เป็นกรรมการนักเรียนนอกกรอบคนหนึ่งไปส่วนถ้าชนะนั้นก็ถือว่าต้องทำงานเต็มที่ กลับเป็นว่าคะแนนข้าพเจ้าชนะสูงกว่าใครๆรวมกัน แต่แล้วชนะข้าพเจ้ายิ่งดูมีความกดดันมากขึ้นข้าพเจ้าถือตนและระลึกเสมอว่าเราต้องเป็น ปัญญาชนคือผู้เป็นปากเป็นเสียงเห็นความไม่ถูกต้องหรือเห็นความไม่สมเหตุสมผลต้องนำเสนอวิจารณ์ข้าพเจ้ามาเป็นในตำแหน่งนี้ต้องยอมรับว่า ผิดที่ข้าพเจ้าคาดหวังไว้คือไม่สามารถเป็นปากเป็นเสียงได้และแม้เป็นก็จะถูกจำกัดกรอบนานา และไม่ใช่เพียงข้าพเจ้าคนเดียวที่ถูกด่าแต่ครูที่ปรึกษาข้าพเจ้าก็ด้วย

ข้าพเจ้าคิดว่าถ้าเป็นไปได้แต่แรกไม่น่าที่จะลงสมัครเอาเลยเพราะข้าพเจ้าเห็นว่าน่าจะทำได้และระบบน่าจะเอื้อ แต่ก็ดังที่กล่าวมาแล้วนั่นเองว่ามันคือความฝันมากกว่าข้าพเจ้าอยากจะยืนหยัดเป็นตัวของตัวเองมากกว่าจะถูกครอบงำหรือต้องลำบากใจในการทำงานอันแทบทำอะไรไม่ได้เลยเสนอไปก็มีแต่จะตกเพื่อนๆที่คาดหวังในตัวข้าพเจ้าทำให้ข้าพเจ้าต้องสู้ต่อไปในระบบแบบนี้และข้าพเจ้าก็พร้อมที่จะยอมรับสภาวะกดดัน เสียงจะกร่นด่าแต่ก็จะทนสู้ต่อไป ข้าพเจ้าเครียดอย่างมากและคงต้องสู้ต่อไปอย่างน้อยก็ถางทางให้คนรุ่นต่อไปทำอะไรได้มากขึ้นจนมาเมื่อไม่กี่วันนี้ข้าพเจ้าได้ทราบว่าตนทำผิดหลักการเลือกตั้งทั่วไปเนื่องเพราะไม่ได้มาเลือกตั้งนั่นเอง ข้าพเจ้าไม่รู้มาก่อนและเมื่อรู้แล้วข้าพเจ้าก็ไม่ได้มีความหวงในตำแหน่ง ไม่ได้มีความอิจฉาริษยาที่จะแก่งแย่งชิงดีกับใครไม่ได้ต้องการเป็นวีรบุรุษจอมปลอมที่ทำอะไรไม่ได้เลย อันการผิดพลาดอันเล็กน้อยนี้จะแก้ไขก็ไม่ได้แล้วและข้าพเจ้าก็ยินยอมใจที่จะออกจากตำแหน่ง อันผู้สมัครพึงมีจริยธรรมในเรื่องนี้ บทเรียนครั้งนี้ขออย่าให้สูญเปล่าสำหรับเพื่อนๆทุกคนในการใช้สิทธิเลือกตั้งข้าพเจ้าเองก็รู้สึกขอโทษอีกครั้งเป็นอย่างสูงแต่หาใช่ว่าข้าพเจ้าไปแล้วไปลับเลยในการทำงานโรงเรียนครั้งนี้ข้าพเจ้าจะเป็นปากเป็นเสียงแก่เพื่อนนักเรียนต่อไปอาจไม่ได้ในโรงเรียนแต่ในสาธารณชนในทางสังคม ข้าพเจ้าขอให้พวกท่านจงกล้าใช้ปัญญาญาณของตนที่มี จงคิดนอกกรอบและจงกล้าหาญเพื่อการเปลี่ยนแปลงโรงเรียนเปลี่ยนแปลงไม่ได้จากคนคนเดียวแต่ต้องทุกคนร่วมมือ และคิดวิพากษ์และแย้งข้าพเจ้าไม่ใช่วีรบุรุษแต่ทุกคนคือผู้เปลี่ยนแปลง อย่าติดกับตัวบุคคลและข้าพเจ้าจะอยู่ที่ห้องสมุดและมีอะไรก็มาเล่ามาวิจารณ์กันได้หรือจะสมน้ำหน้าข้าพเจ้าก็ได้ไม่เป็นไร ยินดีเสมอ

ขอขอบคุณที่เลือก และขอโทษๆ ๆ ๆ สำหรับการผิดพลาดครั้งนี้ ข้าพเจ้าขอยุติคำกล่าวเพียงเท่านี้

ป.ล. ข้าพเจ้าร่างคำกล่าวนี้มาแต่เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนแล้วเมื่อทราบว่าตนต้องลาจากตำแหน่งดังกล่าวนี้
โดยคิดว่าจะอ่านวันจันทร์คือ 1 กรกฎาคม ในหน้าเสาธง แต่การณ์ก็ไม่อำนวยให้ทำได้
และข้าพเจ้าซึ่งต่อมาทางสภาได้ให้เป็นที่ปรึกษากรรมการนักเรียนแทนประธานนักเรียน
ก็ต้องตกใจไปเพราะ กลายเป็นว่าปีนี้ไม่มี"สภานักเรียน" เพียงเพราะข้าพเจ้าและไม่กี่คนในสภาไม่ใช้สิทธิ
ข้าพเจ้าก็ไม่รู้สึกจะต้องคับแค้นหรือมีปัญหา หากก็ขอสละตำแหน่งทั้งหมดที่ให้ เป็นนักเรียนสามัญน่าจะทำงานได้เต็มที่กว่าและที่อยากทำโดยไม่ต้องขัดข้องกับงานที่ตนไม่ถนัดจะทำ
โดยจะตั้ง เครือข่ายจิตฉันทะวิวัฒน์โรงเรียน ขึ้นมา

อ่านความเห็นเพื่อน ๆ ที่เฟสบุ๊คครับ