วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

The Outrage: บทสัมภาษณ์จากนิตยสาร AC ECHO

เราใช้เวลาทำใจอยู่หลายนาน กว่าจะกล้าตัดสินใจติดต่อขอสัมภาษณ์ “เด็ก” คนนี้ เด็กก้าวร้าวที่ทำให้ผู้ใหญ่เกิดอาการอยากถีบยอดหน้าได้มากที่สุดแห่งยุค “เนติวิทย์” ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่โดดเรียน และไม่มีเรื่องชกต่อย แต่”ความคิด” ที่ไม่รู้ว่า “ก้าวร้าว” หรือ “ก้าวล้ำ” ของเขานั้น ได้กระทำสิ่งที่ “แสบ” กว่าเด็กแสบๆทั่วไปทำกันมาก คือเขาได้ตั้งคำถามเสียงดัง ที่สั่นคลอนจุดยืนที่คนรุ่นก่อนหน้าเชื่อว่าเขายืนกันมาช้านาน ผ่านสื่อออนไลน์และรายการทีวีวิทยุอย่างการบอกให้ยกเลิกผมทรงเรียน ยกเลิกการใส่ชุดนักเรียน ก่อตั้งสมาพันธ์นักเรียนฯ เพื่อต่อสู้กับกฎระเบียบที่เขาเชื่อว่าไร้เหตุผล ใครเล่าจะตัดสินได้ว่าความคิดการกระทำที่ก้าวร้าวของเขาเป็นเรื่องก้าวล้ำ หรือเป็นแค่ความเกรียนธรรมดาจากเด็กเรียกร้องความสนใจทั่วไปหลายคนรู้จักเนติวิทย์แค่จากสื่อ AC Echo จึงอยากนำ “เด็กเกรียน” คนนี้มาสัมภาษณ์ให้ได้อ่านกัน แล้วหลังจากนั้น คำพูดของเนติวิทย์จะตัดสินตัวเขาเอง
เนติวิทย์กับกลุ่มที่มาเจอกันวันนี้ เรียกกลุ่มอะไรครับ?
กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท มันเป็นกลุ่มที่หลังจากที่ผมออกจากสมาพันธ์นักเรียน เนื่องจากผมมีปัญหากับสมาพันธ์นักเรียน แล้วผมก็เป็นผู้ก่อตั้งสมาพันธ์นักเรียนด้วย แต่ว่าผมก็ถูกไล่ออกมา ผมก็เลยมาตั้งกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท โดยจะเน้นเรื่องความ Creative มากขึ้น คือตอนทำสมาพันธ์นักเรียนเนี่ย องค์กรมันค่อนข้างตายตัว ไม่ยึดหยุ่น แต่กลุ่มของเราเนี่ยจะเน้นหลายด้าน ด้านการศึกษา ด้านสังคม ด้านสิ่งแวดล้อม หลากหลายมุมมอง แต่จุดประสงค์หลักของเราคือการศึกษาไทยเนี่ยต้องไปเพื่อความเป็นไทไม่มี ย ยักษ์ คือเป็นไปเพื่อศักยภาพของมนุษย์ นำศักยภาพของนักเรียนเนี่ยสร้างสรรค์สังคมออกมา ซึ่งการศึกษาของเราปัจจุบันเนี่ยเป็นการศึกษาที่พันธนาการเป็นการศึกษาเพื่อความเป็นทาส ไม่ใช่การศึกษาเพื่อความเป็นไท

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

คำสารภาพของนักเรียนผู้มีทัศนะอันรุนแรง



ข้าพเจ้าเป็นนักเรียนคนหนึ่งซึ่งหลายคนไม่ชอบหน้า หมั่นไส้รังเกียจและเห็นว่าขวางโลก การกล่าวเช่นนี้คงไม่เกินเลยความจริงไปเพราะสิ่งที่ข้าพเจ้าคิดอ่านเขียนไม่ตรงกับที่กระแสสังคมยอมรับนี่ก็อาจรวมไปถึงกริยามารยาทของข้าพเจ้าด้วยต้องยอมรับในเรื่องนี้ว่าข้าพเจ้ามีปัญหาคือเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นจะดัดจริตก็ได้ไม่นานเวลาพูดก็พูดเหมือนอยู่ที่บ้านและที่ไหนๆแต่ข้าพเจ้าก็คงจะต้องยอมเปลี่ยนหรือเพิ่มความสุภาพให้มากขึ้นกระมังหาไม่แล้วผลลัพธ์ในทางดีจะมีไม่มากและหนังสือพิมพ์อย่างที่อ.ป๋วยว่าสื่อมวลสัตว์ ไม่ใช่ สื่อมวลชน ก็คงไปพาดหัวและตัดต่อคลิปมาอย่างสั้นๆอีกข้าพเจ้าเป็นนักเรียนผู้ได้รับฉายานักเรียนผู้มีทัศนคติอันรุนแรงและอันตรายมาแต่มัธยมปีที่สองแล้วซึ่งจริงๆข้าพเจ้าเชื่อว่าไม่ได้อันตรายอะไรเลยแต่ในสังคมไทยจะมองอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ที่ข้าพเจ้ามาเป็นเช่นนี้ได้ก็เนื่องจากการที่ได้อ่านหนังสือได้ศึกษาความคิดอีกด้านมุมหนึ่งของสังคมกระแสหลักข้าพเจ้าเชื่อในเรื่องเสรีภาพทางความคิดและที่ข้าพเจ้ากระทำไปในโรงเรียนนั้นไม่มีทางที่จะมีผลดีแต่อย่างเดียวหากย่อมต้องมีผลเสียเป็นธรรมดาอยู่ที่ท่านจะพิจารณาส่วนไหนวัดตวงกันอย่างไรข้าพเจ้ามีความเชื่ออย่างสูงว่า