วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

บันทึกนักเรียนคนหนึ่ง “ก่อนถูกควบคุมตัว 10 ชั่วโมง



บันทึกนักเรียนคนหนึ่ง “ก่อนถูกควบคุมตัว 10 ชั่วโมงในเหตุการณ์ 22 พฤษภาคม 2558″


เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล
วันศุกร์หลังเลิกจากเรียนที่โรงเรียนแล้ว ผมได้ยินข่าวว่ามีกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ครบรอบหนึ่งปีรัฐประหาร ประจวบกับ”สยาม” เป็นเส้นทางไปยังสถานที่ทำงานของผมและที่ติวหนังสือซึ่งผมต้องผ่านทีบีทีเอสตรงนั้น ผมเลยตัดสินใจว่าจะแวะไปดูพวกเขาทีแรกแค่จะมาสังเกตการณ์เฉยๆ คิดว่างานนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร (มันมีปัญหาอะไรไม่ได้อยู่แล้ว)แต่เมื่อผมไปถึงแล้ว ประมาณหกโมงเย็นกว่าๆผมได้รับข้อความจากพี่ชายที่มาสอนหนังสือผมว่าให้กลับไม่ต้องมา พี่เขาอยู่ที่นั่น และเหตุการณ์ค่อนข้างอันตราย ทำให้ผมรู้สึกเป็นห่วง
ผมเห็นเริ่มมีการล้อมเป็นวงขึ้น และเมื่อผมสอบถามจากคนรอบข้างนั้นคือ พวกเขารวมตัวกันนั่งเป็นวงกลมเพราะว่ามีนักศึกษาบางคนถูกควบคุมตัวไปโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร ทั้งที่พวกเขามาแสดงออกอย่างสันติวิธี พวกเขาจึงจะนั่งอยู่ตรงนั้นจนกว่าจะมีการปล่อยตัวเพื่อนของพวกเขาและกลุ่มดาวดินด้วยที่ขอนแก่น
ภาพขณะถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องควบคุมที่ สน.ปทุมวัน
ผมตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น (แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่เล่ามาอีกที) แต่ผมก็ตัดสินใจว่า ผมไม่ไปนั่งคงไม่ได้แล้วอย่างน้อยก็ต้องแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ออกมาแล้วก็มีเจ้าหน้าที่ทางการมาพูดคุยกับทางกลุ่มของเรา อย่างไรก็ตาม การพูดคุยก็เหลวไป อย่างไรก็ดีผมยังคิดว่าเราต้องมีการทางเจรจากันได้แน่
เราได้มีการร้องเพลง “แสงดาวแห่งศรัทธา” (ของจิตร ภูมิศักดิ์) และเพลงเพื่อมวลชน
“ถ้าหากฉันเกิดเป็นนกที่โผบิน ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล จะขอเป็นนกพิราบขาว เพื่อชี้นำชาวประชาสู่เสรี…”
แต่ยังร้องไม่ทันจบเพลงเพื่อมวลชนด้วยซ้ำ เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจได้เปิดรั้วบุกออกมาอย่างไม่คาดคิด และมีบางคนถูกต่อย ถูกเอาไฟฟ้าช็อตและสี่ห้าคนที่นั่งในวงถูกลากเข้าไปโดยทันที ทันใดนั้นเอง ทหารและตำรวจ กลับไปกระชากตัวพี่ชายผมไป ซึ่งเขาไม่ได้เป็นแค่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่เขาไม่สนใจอะไรเรื่องการเมืองเลยด้วยซ้ำ (คสช ย่อมาจากอะไรพี่เขายังไม่รู้เลย)เขากลับถูกลากเข้าไป  จริงๆเขาจะไปซื้อหนังสือกับผมที่สยาม และเขาผ่านไปยืนดูตรงนั้น และเขาพยายามให้ผมออกไปจากที่นั่น พอเหตุการณ์เป็นแบบนี้ ทำให้ผมตัดสินใจที่จะไม่ยอมหยุด เพราะเห็นมันไร้เหตุผลที่สุด   และการไม่ยอมหยุดของเรา ก็ทำแค่นั่งร้องเพลงเฉยๆเท่านั้น !(ที่ทางเจ้าหน้าก็บอกว่า เพราะเราทำลายกำแพงรั้วเข้ามา นั้นเป็นข้อกล่าวหาที่เพิ่มเข้ามาทีหลัง เพราะมีเจ้าหน้าที่พยายามมาเจรจากับเราหลายรอบแล้ว กลุ่มเราได้ถามมาตลอดว่า “เราทำผิดอะไร” เจ้าหน้าที่ไม่ยอมชี้แจง และไม่ได้พูดเรื่องรั้วใดๆทั้งสิ้น)
สถานการณ์อันไม่น่าคาดคิดเกิดขึ้น พวกเราที่เหลืออยู่ บางคนร้องไห้ คนที่ถูกไฟฟ้าช็อต โกรธและก่นว่า อย่างไรก็ดีเรายังมีสติดีอยู่และเราจะไม่ถอยออกไป เท่าที่สังเกต พวกเราไม่มีใครก่นด่าว่าหยาบคายต่อฝ่ายเจ้าหน้าที่เลย เรารู้ว่ามันคือความไม่เป็นธรรม เราไม่ได้ทำผิดอะไรเรายืนยัน แม้ไม่แน่นอนแต่เรายังจับแขนกันไว้แน่นๆ บางคนกำลังประเมินสถานการณ์ 
ส่วนผมและเพื่อนบางคน ร้องเพลง “We Shall Not Be Moved” (เราจะไม่ไปไหน) :
We shall not, we shall not be movedWe shall not, we shall not be movedJust like a tree that’s standing by the waterWe shall not be moved
จากนั้นเราทุกคนในวงร่วมร้องเพลง “เพื่อมวลชน” กันอีกรอบ ยังไม่ทันจบดีๆนี่แหละ
เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารเปิดรั้วของเขาออกมา และปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว และทีนี้ก็ถึงตาผม
พวกเขาเข้ามาจับทุกคนในวง ผมกับเพื่อนที่อยู่ติดกันจับมือกันแน่นไม่ปล่อย แต่สุดท้ายเราก็ไม่อาจต้านทานได้ ผมถูกลากตัวเข้าไป รองเท้าข้างหนึ่งของผมหลุดไป  บอกว่าจะไม่หนีขอไปเก็บรองเท้าก็ไม่ได้ ผมจึงมีรองเท้าข้างเดียวเหลืออยู่ให้ใส่ เพื่อนผมที่อายุน้อยกว่าผมเรียน กศน. อายุ 16 ปี เจ้าหน้าที่ใช้แขนลัดคอ และลากตัวเข้าไป และยังโยนเขาลงด้วย นักศึกษาธรรมศาสตร์คนหนึ่งถูกลัดคอจนหายใจไม่ออก และเอาเข็มขัดรัดมือ พร้อมทั้งด่าหยาบคาย เราถูกบังคับให้ขึ้นรถตู้ไปสน.ปทุมวัน    คนหนึ่งถูกโยนขึ้นไปด้วย เรารวมกันในรอบนี้ 11 คน เป็นนักศึกษา นักเรียนกศน.  และพี่รุ่นวัยทำงานซึ่งพวกเขามาเห็นความไม่เป็นธรรมจึงเข้าร่วม เราร่วมกันขึ้นรถตู้ไป สน. ปทุมวัน
มีเพื่อนเราอีกคนชื่อทรงธรรม เดฟ พี่ผมไม่กี่ปี ถูกลากตัวมาพร้อมเราด้วย แต่เขาไม่ได้ขึ้นรถตู้กับเราหรอกนะครับ เขาถูกเตะ ถูกกระชากลากอย่างรุนแรง และเขาก็เป็นลมไป เราโกรธกันมากเราบางคนคนตระโกนว่า “พวกมึงฆ่าเพื่อนเรา” โชคดีไปที่เดฟปลอดภัย เข้าโรงพยาบาลทัน แต่บาดแผลอะไรยังมีให้เห็นอยู่ และต้องออกค่าใช้จ่ายเองซึ่งแพงพอสมควรเลย
เรื่อง 10 ชั่วโมงในสน เป็นอย่างไรบ้าง ผมอาจจะมาเล่าไว้ในครั้งหน้า แต่คิดว่าข้อมูลส่วนนี้
จะมีหลายคนเขียน เราถูกแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือกลุ่ม 21 คน 11 คน และ 5 คนแต่ละกลุ่มถูกการเล่นเกมส์ให้เงื่อนไขการปล่อยตัวอะไรที่ต่างกันไป จนวุ่นวายทีเดียวคิดว่าน่าจะมีคนมาเล่าได้ดีกว่าผม
ผมไม่กะว่าจะเคลื่อนไหวอะไรหรอกนะครับงานนี้ จะแค่มาดูที่บอกแล้ว คิดว่าจะไปซื้อหนังสือที่คิโนะคูนิยะ จะผ่านไปสักสิบห้ายี่สิบนาที ผมไม่อยากเชื่อเลยว่า เหตุการณ์มันจะเลวร้ายได้ขนาดนี้ แล้วผมจะทนนิ่งดูดายหรือใครเล่าจะทนกับความป่าเถือนอย่างนี้ได้ ถ้าคนนั้นยังสติดีอยู่แน่ๆมาอย่างสันติ ทำไมถูกทำร้ายอย่างนี้ที่ผมเขียนมานี้ เป็นการเล่าเรื่องราวส่วนตัวและอาจจะตอบโต้ข้อกล่าวหามั่วๆที่ปรากฏในอินเทอร์เน็ตเช่น เราถูกจ้างมา เราถูกจัดตั้งมาก็ได้ เราแทบไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำที่ไปเจอกันอย่างที่ผมเล่าครูสอนพิเศษผมไม่รู้เรื่องก็ถูกจับไปเหมือนกันอยู่กลุ่ม 21 คนที่เขียนมานี้ผมอยากจะเล่าประวัติศาสตร์ของปัจเจกบุคคล และมุมมองหนึ่งของเหตุการณ์ 22 พฤษภาคม 2558และมันคุ้มค่ามากสำหรับนักเรียนคนหนึ่งที่ได้ทำอะไรอย่างนี้ สิทธิเสรีขั้นพื้นฐานต้องมีจะรออะไร ทำไมให้ผู้ใหญ่มารังแกเราอยู่ได้ ปากเสียงเราอยู่ไหน ผมดีใจที่ได้ร่วมกับพวกเขาคนหนุ่มสาวเหล่านี้ มันทุกข์ใจไม่น้อยที่ถูกควบคุมตัวอย่างยาวนานและตึงเครียด แต่การได้เห็นการตั้งใจดีของพวกเรานักเรียนนักศึกษาคนธรรมดา การเสียสละ การใช้เหตุผล การยืนหยัดในสิทธิความเป็นมนุษย์มันน่าภูมิใจมิใช่หรือ มันคุ้มแล้วต่อที่จะต้องแลกมิใช่หรือ
ภาพขณะนักศึกษากำลังถูกจับกุม
CR: https://netiwitblog.wordpress.com