สวัสดีครับทุกคน
ท่ามกลางแดดร้อนแรงระอุ นิสิตบางคนหมดสติไป
ผมและเพื่อนรัฐศาสตร์ นิสิตจุฬาลงกรณ์ได้พูดคุยและถกเถียงกันเรื่องการถวายบังคม ในพิธีถวายสัตย์เข้าเป็นนิสิต ซึ่งเราต่างก็ประหลาดใจกันว่าเหตุไฉนการหมอบกราบดังกล่าวจึงยังได้รับการปฏิบัติมาอีก ทั้งที่ในหลวงรัชกาลที่5 ทรงประกาศยกเลิกธรรมเนียมเก่าดังกล่าวแล้ว เหตุไฉนจึงมาสิ่งที่พระองค์ทรงยกเลิกต่อหน้าพระบรมรูปของพระมหากษัตริย์ผู้ไม่ต้องการสิ่งดังกล่าว
ธรรมเนียมเป็นเรื่องไม่เสียหาย หากไม่มีหลักวิชาก็เป็นแค่การนำอย่างมืดบอด โดยพิธีดังกล่าวถ้าศึกษา ก็เพิ่งกลับมาไม่นานมานี้เอง
ผมและเพื่อนเมื่อคุยกันบนหลักฐานและต้องการสนองพระราชประสงค์ให้กลับมาอีกครั้ง ผมและเพื่อนอีกคนจึงกล่าวถวายสัตย์เสร็จแล้วยืนขึ้น มาเบื้องหน้าโค้งคำนับต่อพระบรมรูปพระมหากษัตริย์ทั้งสอง (เราดูงานวันพ่อวันแม่สิ ธรรมเนียมการโค้งคำนับใช้ แต่ทำไมไม่หมอบคลานล่ะ ดูลักลั่นไหม) ขณะที่บางคนเห็นด้วยแต่ไม่อยากแสดงออกก็ช่วยสนับสนุนโดยให้กำลังใจ
ที่เขียนมานี้ก็เพื่อชี้แจงให้เข้าใจวัตถุประสงค์ในการทำ มิฉะนั้นก็จะใส่ไคล้กันไปโดยไม่ได้เจตนา
มีหลายคนไม่มางานนี้ก็เพราะเห็นว่าพิธีนี้ไม่สมสมัย ขัดกับพระผู้ทรงนำความเจริญทั้งสองพระองค์ เรื่องนี้ไม่ใช่มีแค่สองคนหรือแค่นิสิตรัฐศาสตร์ปี1ที่สนใจห่วงใย มีมากมายแต่ไม่มีคนแสดงออกชัดเจน วันนี้เราทำให้ดูพวกเราทำ ไม่ใช่อยากดัง แต่ที่ทำก็เพราะไม่อยากให้เงียบ หลักวิชา หลักประวัติศาสตร์ ควรจะคุยกันในเรื่องนี้
จุฬาฯ จึงภาคภูมิได้เต็มที่ในความละเอียดของการรักษาธรรมเนียมดีๆที่เข้ากับคนรุ่นใหม่ สังคมสมัยใหม่
ในโอกาส 100 ปีจุฬาฯ เสาหลักของแผ่นดิน
ท่ามกลางแดดร้อนแรงระอุ นิสิตบางคนหมดสติไป
ผมและเพื่อนรัฐศาสตร์ นิสิตจุฬาลงกรณ์ได้พูดคุยและถกเถียงกันเรื่องการถวายบังคม ในพิธีถวายสัตย์เข้าเป็นนิสิต ซึ่งเราต่างก็ประหลาดใจกันว่าเหตุไฉนการหมอบกราบดังกล่าวจึงยังได้รับการปฏิบัติมาอีก ทั้งที่ในหลวงรัชกาลที่5 ทรงประกาศยกเลิกธรรมเนียมเก่าดังกล่าวแล้ว เหตุไฉนจึงมาสิ่งที่พระองค์ทรงยกเลิกต่อหน้าพระบรมรูปของพระมหากษัตริย์ผู้ไม่ต้องการสิ่งดังกล่าว
ธรรมเนียมเป็นเรื่องไม่เสียหาย หากไม่มีหลักวิชาก็เป็นแค่การนำอย่างมืดบอด โดยพิธีดังกล่าวถ้าศึกษา ก็เพิ่งกลับมาไม่นานมานี้เอง
ผมและเพื่อนเมื่อคุยกันบนหลักฐานและต้องการสนองพระราชประสงค์ให้กลับมาอีกครั้ง ผมและเพื่อนอีกคนจึงกล่าวถวายสัตย์เสร็จแล้วยืนขึ้น มาเบื้องหน้าโค้งคำนับต่อพระบรมรูปพระมหากษัตริย์ทั้งสอง (เราดูงานวันพ่อวันแม่สิ ธรรมเนียมการโค้งคำนับใช้ แต่ทำไมไม่หมอบคลานล่ะ ดูลักลั่นไหม) ขณะที่บางคนเห็นด้วยแต่ไม่อยากแสดงออกก็ช่วยสนับสนุนโดยให้กำลังใจ
ที่เขียนมานี้ก็เพื่อชี้แจงให้เข้าใจวัตถุประสงค์ในการทำ มิฉะนั้นก็จะใส่ไคล้กันไปโดยไม่ได้เจตนา
มีหลายคนไม่มางานนี้ก็เพราะเห็นว่าพิธีนี้ไม่สมสมัย ขัดกับพระผู้ทรงนำความเจริญทั้งสองพระองค์ เรื่องนี้ไม่ใช่มีแค่สองคนหรือแค่นิสิตรัฐศาสตร์ปี1ที่สนใจห่วงใย มีมากมายแต่ไม่มีคนแสดงออกชัดเจน วันนี้เราทำให้ดูพวกเราทำ ไม่ใช่อยากดัง แต่ที่ทำก็เพราะไม่อยากให้เงียบ หลักวิชา หลักประวัติศาสตร์ ควรจะคุยกันในเรื่องนี้
จุฬาฯ จึงภาคภูมิได้เต็มที่ในความละเอียดของการรักษาธรรมเนียมดีๆที่เข้ากับคนรุ่นใหม่ สังคมสมัยใหม่
ในโอกาส 100 ปีจุฬาฯ เสาหลักของแผ่นดิน
ด้วยความเคารพนอบน้อม
นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสองคน
*************************************************************************************************
“ส.ศิวรักษ์” หนุน “เนติวิทย์” ปฏิเสธหมอบกราบพิธีถวายสัตย์ฯ ของนิสิตจุฬาฯ ชี้ ทำตามพระราชโองการ ร.5 ซัด “ม.จ.จุลเจิม” เอาความเป็นหม่อมเจ้ามาเล่นงานคนธรรมดา จะทำให้เสื่อมเสียถึงพระราชวงศ์ เตือนระวังกิริยามารยาท อย่าพูดส่งเดช หลังด่าเด็กเป็นมะเร็งร้ายในจุฬาฯ
วันนี้ (18 ก.ค.) นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ เจ้าของนามปากกา ส. ศิวรักษ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Sulak Sivaraksa” ตอบคำถามถึงกรณี หม่อมเจ้า จุลเจิม ยุคล เหน็บแนม นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ปฏิเสธการถวายบังคมในพิธีถวายสัตย์ฯ ว่า เป็นมะเร็งร้าย มีรายละเอียดว่า
ถาม : อาจารย์สุลักษณ์ คิดเห็นยังไงกับการที่ หม่อมเจ้า จุลเจิม ยุคล โพสต์เฟซบุ๊กเขียนเป็นนัยว่า นิสิตจุฬาฯ ที่ไม่หมอบกราบ และออกมาขึ้นมาโค้งคำนับในพิธีถวายสัตย์ฯ เป็นมะเร็งร้าย
ส.ศิวรักษ์ : นี่เป็นสมัยประชาธิปไตยนะ หม่อมเจ้าไม่มีอภิสิทธิ์ใด ๆ ที่จะวิเศษกว่าคนธรรมดาสามัญ จะเอาการเป็นหม่อมเจ้ามาเล่นงานคนธรรมดาสามัญ ทำให้เสื่อมเสียถึงพระราชวงศ์ หม่อมเจ้าองค์นี้ควรจะสังวรระวังกิริยามารยาท และต้องเคารพพระบรมเดชานุภาพที่รัชกาลที่ ๕ ทรงมีพระราชโองการให้ยกเลิกหมอบยกเลิกคลาน นิสิตคนนั้น ก็ทำตามพระราชโองการ แล้วหม่อมเจ้าองค์นี้ไม่รู้เลยหรือ หลับตาพูดส่งเดชได้ยังไง
โดยก่อนหน้านี้ หม่อมเจ้า จุลเจิม ยุคล ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Chulcherm Yugala” ถึงกรณี นายเนติวิทย์ ว่า เป็นมะเร็งร้ายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
“ขอเป็นกำลังใจให้กับ ศิษย์ปัจจุบัน และศิษย์เก่าในการต่อสู้กับมะเร็งร้ายใน จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ความสง่างาม เกียรติยศ และศักดิ์ศรี ความสามารถ และคุณงามความดี ที่ค้ำจุนประเทศไทย มา 100 ปี คงไม่มีความสกปรกโสมมใด ๆ มาทำให้แปดเปื้อนได้….”
ทางด้าน นายเนติวิทย์ ก็ได้เหน็บแนมกลับ หม่อมเจ้า จุลเจิม ด้วยเช่นกัน ว่า “มะเร็งร้ายกันเลยทีเดียวนะครับ ไม่เป็นไร มันแล้วแต่มุมมอง แล้วแต่ภูมิคุ้มกันจริง ๆ อย่างไรก็ดี ฝากถึงท่านชายยุกะลา ผมเขียนหนังสือเล่มใหม่ ถึงท่านไม่ชอบผม ซื้อไปลองอ่านสนับสนุนสักสิบเล่ม ก็ไม่น่าเสียหายอะไร”
นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสองคน
*************************************************************************************************
“ส.ศิวรักษ์” หนุน “เนติวิทย์” ปฏิเสธหมอบกราบพิธีถวายสัตย์ฯ ของนิสิตจุฬาฯ ชี้ ทำตามพระราชโองการ ร.5 ซัด “ม.จ.จุลเจิม” เอาความเป็นหม่อมเจ้ามาเล่นงานคนธรรมดา จะทำให้เสื่อมเสียถึงพระราชวงศ์ เตือนระวังกิริยามารยาท อย่าพูดส่งเดช หลังด่าเด็กเป็นมะเร็งร้ายในจุฬาฯ
วันนี้ (18 ก.ค.) นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ เจ้าของนามปากกา ส. ศิวรักษ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Sulak Sivaraksa” ตอบคำถามถึงกรณี หม่อมเจ้า จุลเจิม ยุคล เหน็บแนม นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ปฏิเสธการถวายบังคมในพิธีถวายสัตย์ฯ ว่า เป็นมะเร็งร้าย มีรายละเอียดว่า
ถาม : อาจารย์สุลักษณ์ คิดเห็นยังไงกับการที่ หม่อมเจ้า จุลเจิม ยุคล โพสต์เฟซบุ๊กเขียนเป็นนัยว่า นิสิตจุฬาฯ ที่ไม่หมอบกราบ และออกมาขึ้นมาโค้งคำนับในพิธีถวายสัตย์ฯ เป็นมะเร็งร้าย
ส.ศิวรักษ์ : นี่เป็นสมัยประชาธิปไตยนะ หม่อมเจ้าไม่มีอภิสิทธิ์ใด ๆ ที่จะวิเศษกว่าคนธรรมดาสามัญ จะเอาการเป็นหม่อมเจ้ามาเล่นงานคนธรรมดาสามัญ ทำให้เสื่อมเสียถึงพระราชวงศ์ หม่อมเจ้าองค์นี้ควรจะสังวรระวังกิริยามารยาท และต้องเคารพพระบรมเดชานุภาพที่รัชกาลที่ ๕ ทรงมีพระราชโองการให้ยกเลิกหมอบยกเลิกคลาน นิสิตคนนั้น ก็ทำตามพระราชโองการ แล้วหม่อมเจ้าองค์นี้ไม่รู้เลยหรือ หลับตาพูดส่งเดชได้ยังไง
โดยก่อนหน้านี้ หม่อมเจ้า จุลเจิม ยุคล ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Chulcherm Yugala” ถึงกรณี นายเนติวิทย์ ว่า เป็นมะเร็งร้ายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
“ขอเป็นกำลังใจให้กับ ศิษย์ปัจจุบัน และศิษย์เก่าในการต่อสู้กับมะเร็งร้ายใน จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ความสง่างาม เกียรติยศ และศักดิ์ศรี ความสามารถ และคุณงามความดี ที่ค้ำจุนประเทศไทย มา 100 ปี คงไม่มีความสกปรกโสมมใด ๆ มาทำให้แปดเปื้อนได้….”
ทางด้าน นายเนติวิทย์ ก็ได้เหน็บแนมกลับ หม่อมเจ้า จุลเจิม ด้วยเช่นกัน ว่า “มะเร็งร้ายกันเลยทีเดียวนะครับ ไม่เป็นไร มันแล้วแต่มุมมอง แล้วแต่ภูมิคุ้มกันจริง ๆ อย่างไรก็ดี ฝากถึงท่านชายยุกะลา ผมเขียนหนังสือเล่มใหม่ ถึงท่านไม่ชอบผม ซื้อไปลองอ่านสนับสนุนสักสิบเล่ม ก็ไม่น่าเสียหายอะไร”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น